บุรุษหนึ่งนุ่งกางเกงขายาวตัวใหญ่ ใส่เสื้อตัวเล็ก สรวมรองเท้าคู่ใหญ่เกินขนาด สรวมหมวกใบจิ๋ว ติดหนวดแปรงสีฟันเหนือริมฝีปาก มีไม้เท้าติดมือแกว่งไปมา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในการแสดงตลกหนังเงียบที่ดังที่สุดในโลก ในศตวรรษที่ 20
ใครได้ดูหนังเรื่อง คนจรจัด ( The Little Tramp ) จะรู้จัก ชาลี แชปลิน ( Charlie Chaplin ) ได้ดี เขาเป็นนักแสดงที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง สามารถเป็นทั้งผู้แสดง เป็นผู้เขียนบทเป็น ผู้ทำดนตรีประกอบ เป็นผู้อำนวยการสร้างในตัวเองคนเดียวได้ เป็นนักแสดงที่ไม่ต้องเปล่งเสียง แต่บอกให้โลกรู้ได้ว่าเขามีความคิดทางการเมืองที่ต่อต้านระบบทุนนิยม ผ่านหนังเรื่อง Modern Times ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เป็นเหมือนฟันเฟืองตัวหนึ่งในเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม เขามีมุมคิดต่อต้านเผด็จการผ่านหนัง เรื่อง The Great Dictator อันลือลั่น ถึงขนาดที่เขาถูกสั่งห้ามเข้าสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์
อีกหนึ่งบุรุษนั้น เป็นชาวยิว เกิดในเยอรมัน เป็นเด็กที่เรียนรู้ช้า สอบเข้าวิทยาลัยโพลิเทคนิคไม่ได้ เป็นเด็กนักเรียนนอกกรอบเกณฑ์การสอนของครู เขาต่อต้านการบังคับและการใช้อำนาจทุกรูปแบบจนถูกครูหาว่าเป็นนักเรียนขบถ
แต่ผลงานประจักษ์โลกของเขา คือการคิดค้นทฤษฎีสัมพันธภาพพิเศษ E = mc2 หรือ
พลังงาน = มวลสารและความเร็วแสงในสูญญากาศ อธิบายว่ามวลสารสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ และพลังงานก็เปลี่ยนกลับเป็นอนุภาคได้ มวลสารเล็กนิดเดียวสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานที่มีอานุภาพมหาศาล ผลจากสมการนี้พลิกโฉมหน้าของโลกแบบก้าวกระโดด ก่อเกิดสิ่งที่ตามมา คือ เทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย ทั้งเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมือแพทย์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม รวมถึงการคิดค้นปรมาณูและพลังงานนิวเคลียร์
นักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาในคนๆเดียวกัน เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เป็นอัจฉริยะของโลกอีกคน ซึ่งยังไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนเทียบได้ เป็นเจ้าของคำคมอันลือลั่นที่ว่า “ จินตนาการมีความสำคัญยิ่งใหญ่กว่าความรู้ ” ( Imagination is more important than knowledge. )
บทสนทนาที่บอกถึงชั้นเชิงความเฉลียวฉลาดและอารมณ์ขันที่ต้องจดจำกันไปทั่วโลกเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1931 ณ โรงภาพยนตร์ที่ ลอส แองเจลิส สหรัฐอเมริกา ในวันฉายหนังรอบปฐมทัศน์ของ Charlie Chaplin ชื่อ “ City Lights ”
เป็นครั้งแรกที่นักฟิสิกส์รางวัลโนเบล ชื่อ Albert Einstein ได้พบกับ Charlie Chaplin ทั้งสองคนแต่งกายเต็มชุดทันสมัย มาถึงโรงภาพยนตร์เกือบจะพร้อมกัน
พอบุคคลทั้งสองเดินเข้าสู่โรงภาพยนตร์ ผู้คนพากันปรบมือให้เกียรติกันกึกก้อง แล้วไอน์สไตน์ ก็เอ่ยชื่นชมชาลีกันซึ่งๆหน้า
Einstein : “ What I admire most about your art , is its universality. You do not say a word , and yet the world understands you. ”
“ ผมชื่นชมการแสดงของคุณจริงๆ สิ่งที่คุณทำมันเป็นสากลอย่างยิ่ง คุณไม่เห็นต้องพูดอะไรสักคำ แต่คนทั้งโลกก็เข้าใจคุณได้ ว่าคุณสื่ออะไร ”
Chaplin : “ It ,s true. But Your Fame is even greater : the world admires you , when nobody understands you. ”
“ จริงอยู่ครับ แต่คุณน่ะ เยี่ยมกว่าผมเสียอีก คนทั้งโลกพากันชื่นชมคุณ ทั้งๆที่ไม่มีใครเข้าใจคุณเลย ”
เมื่ออัจฉริยบุรุษหนึ่ง พบกับอีกหนึ่งอัจฉริยบุรุษ จึงกลายเป็นอัจฉริยภาพยกกำลัง ที่สะท้อนถึงปัญญาอันเฉียบคมเหนือชั้น และอารมณ์ขันอันรื่นรมย์ของกันและกัน เขาทั้งสองเป็นปิยมิตรกันและกัน ในเวลาต่อมา
ติดตามงานเขียนได้ที่ Facebook Page : PRASARN MARUKPITAK PAGE