10 กรกฎาคม 2561 เป็นวันปิดฉากการกู้ 13 ชีวิตหมูป่าคืนสู่บ้านอย่างสำเร็จสมบูรณ์แบบ และประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกทั้งมวล
ถ้านักสร้างภาพยนตร์ระดับโลกจะสร้างหนังเรื่อง “ MISSION IMPOSSIBLE : ปฏิบัติการกู้ชีพ 13 หมูป่า ” บนพื้นฐานเรื่องราวที่เป็นจริง ณ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ. เชียงราย จะเป็นหนังใหญ่ที่คนทั่วโลกต้องดู เพราะในเวลานี้ บุคคลสำคัญของโลก ตั้งแต่โดนัลด์ ทรั้มป์ อีลอน มัสต์ มาร์ค ซักเกอร์เบอร์ก
ล้วนส่งถ้อยคำและส่งกำลังใจหนุนเนื่อง ภารกิจเหลือเชื่อครั้งนี้กระหึ่มไปทั่วโลกแล้ว
นักข่าวพันกว่าคนจากสำนักข่าวทั่วโลกมากกว่า 800 สำนักรายงานเหตุการณ์อย่างเกาะติดในระดับนาทีต่อนาที ต่อเนื่องกันมาหลายวัน ตามติดด้วยเสียงสรรเสริญในภาวะผู้นำ การบริหารจัดการและความ
สามารถของหน่วยซีลไทย รวมทั้งพลังความร่วมมือของทุกคนที่เกี่ยวข้อง
หน่วยซีลของสหรัฐ ยกย่องว่า “ ภาวะการนำของไทยเป็นที่สุดของความยอดเยี่ยม ” ( The Thai Leadership has just been tremendous. )
คอลัมนิสต์คนหนึ่งเขียนว่า “ กู้ชีวิต 13 หมูป่า พิชิตถ้ำหลวงสุดโหด ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ”
นี่คือจารึกหน้าประวัติศาสตร์ของไทยและของโลก ที่ต้องบันทึกไว้เป็นตำนานแผ่นดิน
การกู้ชีวิต 13 หมูป่า มีความอัศจรรย์อย่างไร
- เป็นปรากฏการณ์เหลือเชื่อที่ยากจะเอาชนะได้ แต่ประเทศไทยร่วมกับนานาชาติทำได้
ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนนั้น หฤโหดในความลึก ความมืดมิด มีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ มีน้ำฝนมาเติมตลอด เป็นระยะๆ มีช่องแคบที่ยากจะเบียดตัวผ่านได้ มีออกซิเจนอย่างจำกัด มีโขดหินขวางทางเต็มไปหมด เป็นความยากเย็นถึงขนาดที่ นักดำน้ำอังกฤษบอกว่า “ ท้าทายใหญ่หลวงที่สุดในการค้นหา ” เขาเปรียบเทียบโดยใช้คำว่า ดำน้ำในถ้ำหลวงยามนี้ คือ “ ยอดเขาเอเวอเรสต์ของการดำน้ำในถ้ำ ”
สภาวะธรรมชาติ ณ ถ้ำเขาหลวง ขุนน้ำนางนอนนั้น อาจอธิบายเป็นบทร้อยกรองว่า
ถึงฟ้าก็เถอะฟ้า จะสั่งฝนใส่นางนอน
ถึงสูงสุดสิงขร ยังต่ำเตี้ยกว่าใต้ตีน
ถึงลึกสุดลึกล้ำ ไม่พ้นน้ำมือหน่วยซีล
ถึงแคบจะป่ายปีน จะเล็ดรอดสู่ที่หมาย
ถึงมืดสุดมืดมิด จะประชิดประชันกาย
ถึงน้ำจะมากมาย จะสูบสู้ไม่รู้ถอย
- ปาฏิหาริย์ในถ้ำมืด : ปรากฏการณ์สุดปลายเชือก
นักดำน้ำอังกฤษ ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลกมามุดดำอยู่ที่ถ้ำหลวง โดยไม่ขอแสดงตัวออกสื่อ เขาบอก
ว่ามาทำงาน ไม่ใช่มาออกสื่อ และเขาเป็นคนแรกที่ดำลงไปโผล่เจอ 13 หมูป่าโดยบังเอิญ ณ จุดที่เรียกว่าเนินนมสาว
นิวยอร์คไทม์ อ้างอิงข้อมูล จาก เวิร์น อันสเวิร์ส นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ ที่มาอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่วันแรกเล่าว่า จอหน์ โวลันเธน และริชาร์ด สแตนตัน นักดำน้ำอังกฤษ 2 คนที่เข้าไปครั้งแรกไม่คิดว่าจะเจอเด็ก เพราะเขาเป็นหน่วยล่วงหน้ามีหน้าที่ลำเลียงเชือกเข้าไปปักยึดในถ้ำเพื่อให้คนที่มาทีหลัง เกาะตามเชือกเข้ามา หน่วยซีลจะได้ไม่หลงทาง หรือไม่ถูกน้ำพัดเมื่อตามมา
จังหวะที่สุดปลายเชือกพอดี จอห์นเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำ ดวงไฟที่ศีรษะของเขาฉายให้เห็นดวงตาเด็ก 13 คนจ้องมาที่เขา เขาคิดในใจทันทีว่า ทั้งหมดนี้คือหมูป่า 13 คนที่กำลังตามหามาเป็นเวลา 10 วัน แล้วตามมาด้วยบทสนทนาระหว่างเขากับเด็ก
เวิร์น เล่าด้วยว่า หากเชือกที่จอห์นนำมาสั้นลงไปแค่ 15 ฟุต หรือยาวไปกว่านั้น สิ่งที่เขาจะเห็นจากการเงยหน้าขึ้นเหนือน้ำ คือความมืด คือผนังถ้ำ ซึ่งจะต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่โถง 3 เพราะเชือกหมดแล้ว
จอห์น บอกว่า “ ถ้าเชือกยาวหรือสั้นกว่านี้ เงยขึ้นมาจะไม่เห็นเด็กเลย เรื่องนี้จึงเหมือนปาฏิหาริย์ ที่ได้เจอ 13 ชีวิต เพราะเชือกสุดปลายตรงนั้น ”
ปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์สุดปลายเชือก เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครไปทำให้เชือกมีความยาวพอดิบพอดีตรงจุดเนินนมสาว และใครไปกำหนดให้เด็กทั้ง 13 คน นั่งรอ ณ ที่ซึ่งจะเป็นสุดปลายเชือกของนักดำน้ำ
- สุดยอดของการบริหารสถานการณ์ในภาวะวิกฤต
ท่ามกลางความกดดันรอบด้าน ทั้งความโหดหินของสภาพถ้ำ ทั้งฝนที่กระหน่ำลงมาเติมน้ำในถ้ำ
ทั้งเวลาที่เนิ่นนานออกไป ทั้งความพยายามบางส่วนจะล้มเหลวลง เช่นการเปิดโพรงถ้ำจากข้างบน แต่อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร สามารถจะบริหารสถานการณ์ได้อย่างน่าประหลาดใจ
การตัดสินใจฉับไว อย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เรียกความศรัทธาจากหน่วยงานและผู้คนได้อย่างมีพลัง
“ ใครจะอยู่ช่วยงานก็ขอให้ทำเต็มที่ คิดเสียว่า พวกเด็ก ๆ เป็นลูกเป็นหลานของเรา แต่ถ้าใครไม่ทำก็เซ็นชื่อแล้วออกไปเลย จะไม่รายงานใครทั้งนั้น ”
นี่คือถ้อยคำอันเฉียบขาดของ ผวจ. ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ในขณะที่กำลังตั้งหลักเริ่มต้นปฏิบัติการสะเทือนแผ่นดินครั้งนี้
แน่นอนว่า ผวจ. ณรงค์ศักดิ์ มี พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นพื้นฐานที่ทำให้สามารถจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติ ถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย (ศอร.)
ทำให้สามารถบริหารสั่งการส่วนราชการต่าง ๆได้ แต่ ผวจ. ไม่ได้มีอำนาจไปบังคับบัญชานักดำน้ำชาติอังกฤษ ออสเตรเลีย และชาติอื่น ๆได้ มีแต่ต้องใช้ฝีมือในการผนึกความร่วมมือนานาชาติให้ร่วมกันทำงานไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกัน
การบริหารวิกฤตความเสี่ยงที่มี 13 ชีวิต เป็นเดิมพันต้องใช้ทั้งความฉับไว การประเมินสถานการณ์บนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องละเอียดถี่ถ้วน การเตรียมแผน 2 แผน 3 เพื่อรองรับเหตุการณ์ ที่ไม่เป็นไปตามคาดหมาย การช่วงชิงจังหวะลงมือปฏิบัติการด้วยการตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เฉียบขาด ตลอดทั้งความพอเหมาะพอควรในการถ่ายทอดความคืบหน้าของเหตุการณ์ต่อสื่อสาธารณะทั่วโลก ทำให้ภารกิจเหลือเชื่อครั้งนี้เป็นผลสำเร็จ
- สุดยอดของความร่วมมือจากนานาชาติ
ทั้งนักดำน้ำ ชาติอังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกา ลาว พม่า ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น ที่ส่งทั้งกำลังและ
อุปกรณ์มาร่วมโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายใด ๆ จำนวน รวม 47 คน
นายไมเคิล ยอน นักข่าวอาวุโสของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า “ ในภารกิจนี้ คุณจะเห็นได้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันและอังกฤษ ล้วนละทิ้ง “อัตตา” ส่วนตัวไว้เบื้องหลัง ไม่ใช่เวลาที่จะทับถมกันด้วยอัตตา เมื่อวางอัตตาลงแล้วการมีผู้นำที่ยอดเยี่ยม จะทำให้ทุกคนแก้ปัญหาได้ในที่สุด ”
ลองพิจารณาดูเถิดว่า สุดยอดของนักดำน้ำของโลก ที่สุดของนักสำรวจถ้ำ ที่มีความรู้และประสบการณ์ตรง ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ล้วนแล้วแต่ทรงภูมิปัญญา หากเขาจะเล่นตัว วางท่าวางทางสร้างเงื่อนไขต่าง ๆ ตามใจตนเองก็น่าจะทำได้ แต่เนื่องจากทุกคนถอดอัตตาออกทั้งหมดยอมอยู่ใต้บูรณาการ การทำงานของ ศอร. ผลจึงปรากฏเป็นความร่วมมือที่งดงาม
- จิตอาสาสูงส่งมีมากมาย
โรงครัว ผลิตอาหาร 3 มื้อ หล่อเลี้ยงผู้คนนับพันคน ร้านซักรีดที่รับซักรีดฟรีให้กับ เสื้อผ้าทางเจ้าหน้าที่ซึ่งเลอะเปื้อนโคลน ต้องรับเสื้อผ้าตอน 3 ทุ่ม และต้องนำเสื้อผ้าไปส่งตอนตีสี่ รถมอเตอร์ไซด์ที่รับส่งผู้คนไปยังจุดมุ่งหมายที่ต้องการ รวมไปถึงความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน หลายสิบองค์กร ที่ทุ่มเทพลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตลอดจนชาวนา ที่ยอมให้ที่นาของตนเป็นที่รองรับน้ำที่สูบออกมาจากถ้ำ “ ขอแต่ให้เด็ก ๆ หมูป่าอยู่รอดปลอดภัย ” เป็นน้ำใจอันประเสริฐที่คนไทยจะมีให้แก่กันละกัน
ในที่นี้ควรบันทึกความเสียสละของ จ.ส.อ. สมาน กุนัน ที่เอาชีวิตตัวเองเข้าแลกกับชีวิตของเด็ก ๆ อย่างน่ายกย่อง หน่วยซีลของไทยเป็นพระเอกที่จะถูกกล่าวขวัญไปอีกนานเท่านาน
จริงอยู่ประเทศไทยทุ่มเทพลังคน พลังอุปกรณ์ พลังเงินลงไปมากมายในภารกิจกู้ชีวิต 13 หมูป่าครั้งนี้ แต่ปรากฏการณ์ ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน เป็นพฤติกรรมที่สะเทือนใจคนทั่วโลก เป็นปรากฏการณ์เหลือเชื่อ ที่คนไทยร่วมกับคนต่างชาติได้ระบายยิ้มให้กับโลกใบนี้ อย่างน่าภาคภูมิใจ