คำว่า “ ถ้ารู้อย่างนี้ …………” เป็นคำรำลึกอดีตของคนบางคน
คนเราจะเสียใจหรือเสียดายที่ไม่ได้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทั้งๆที่เป็นสิ่งควรทำ เช่นดูแลแม่พ่อไม่ดีพอในยามชรา ใส่ใจลูกน้อยไป มึนตึงกับคู่ชีวิตมากไป เลือกอาชีพที่ไม่ใช่ของตัวเอง
ลองมาดูซิว่าคนชาติอื่นคิดอย่างไรกับปัญหานี้
นิตยสารเบลเยี่ยมฉบับหนึ่ งสำรวจผู้สูงอายุทั่วประเทศ โดยตั้งคำถามว่า
“อะไรคือสิ่งที่คุณเสียใจที่สุด”
คำตอบเรียงลำดับจาก ลำดับ 5 ไป 1 มีดังนี้
อันดับที่ 5 เสียใจที่ไม่ได้ดูแลสุขภาพตนเองให้ดี มีจำนวน 45 %
อันดับที่ 4 เสียใจที่ไม่ได้รักและถนอมคู่ชีวิตให้ดี มีจำนวน 57 %
อันดับที่ 3 เสียใจที่ไม่ได้สั่งสอนในสิ่งที่เหมาะที่ควรให้กับลูกตนเอง มีจำนวน 62 %
อันดับที่ 2 เสียใจที่ตัดสินใจเลือกอาชีพผิด ตั้งแต่ตอนหนุ่มสาว มีจำนวน 73 %
อันดับที่ 1 เสียใจที่ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวไม่มีความมุมานะมากพอ ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง มีจำนวน 92 %
คนชราไทยคิดอย่างไรกับคำถามนี้ ยังไม่เคยเห็นสถาบันไหนสำรวจ แต่ได้แง่คิดสำคัญอย่างยิ่งว่า อดีตนั้นทำอย่างไรก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ มันมาถึงแล้วก็ผ่านเลยไป เป็นลมที่ไม่ได้พัดหวน แต่อนาคตยังมีให้เผชิญหน้าอยู่ จะกี่ปี กี่เดือน กี่วัน ไม่มีใครรู้
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่เสียใจที่สุดทั้ง 5 อันดับแรก ของคนเบลเยี่ยมนั้น ล้อมรอบอยู่ที่ชีวิตครอบครัวทั้งหมด เรื่องสุขภาพ พ่อแม่ คู่ชีวิต ลูก และการเลือกอาชีพ ดูเหมือนว่าคนเบลเยี่ยมไม่คิดถึงสังคมส่วนรวมหรืออย่างไร ปัญหาของสังคมจึงไม่ถูกจัดอยู่ในลำดับต้น
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น ใช่หรือไม่ว่า ความดีงาม ความถูกต้องนั้น เริ่มต้นที่ครอบครัวนั้นเอง คนในครอบครัวที่ไม่ใช่ตัวเรารวมทั้งเรื่องสุขภาพตนเอง หากเรามีท่าทีและการปฏิบัติต่ออย่างเหมาะสม ถูกต้อง ด้วยเมตตาธรรมแล้ว ย่อมเป็นพื้นฐานที่จะทำให้จิตวิญญาณเช่นนั้น ขยายผลต่อสังคมนอกครอบครัวออกไป
ปัญหายังมีอีกว่า บางทีคนเรา เอาบ่าไปแบกทุกข์คนอื่น จนลืมไปว่า คนในครอบครัวตนเองก็ปรารถนาความสุขจากเราเช่นกัน
ติดตามงานเขียนได้ที่ FACEBOOK : PRASARN MARUKPITAK