นับถึงวันนี้ หายใจมา 69 ปีแล้ว
บนเส้นทางผ่าน
เป็นนักร้องของโรงเรียน
เป็นคนนำเดินขบวนในมหาวิทยาลัย
เป็นวิทยากรอบรมบรรยาย
เป็นคนเขียนหนังสือ
เป็นคอลัมนิสต์
เป็นคนทำรายการโทรทัศน์ / วิทยุ
เป็นคน (สมัคร) เล่นดนตรี
เป็นสหายในเขตป่าเขา
เป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาท
เป็นคนเฉียดคุก
เป็นคนทำงานการเมือง
เป็นปู่ของหลานสองคน
นับว่าสวมหัวโขนมาแล้วหลายใบ
ทำถูกก็มี ทำผิดก็ไม่น้อย
โลดแล่นในบางครั้ง ราบเรียบในบางคราว
บางทีก็หมองเศร้า บางหนก็เนาสุข
จะโลดแล่น ราบเรียบ หมองเศร้า เนาสุข
ล้วนพบแล้วผ่าน ล้วนมาแล้วไป
แต่เพราะเอาใจไปข้อง
จึงฟูฟ่องกับการยกยอ
จึงทดท้อกับคำตำหนิ
แท้ที่จริง ไม่มีอะไรอยู่ยาวคงทน
ชีวิตคือการผ่านทาง
เราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ในช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น
เคยสำคัญตนผิดว่า มีแรงฤทธิ์ที่จะเปลี่ยนโลกได้
ความจริงเราทำอะไรได้บนเงื่อนไข ที่เป็นจริงเท่านั้น
ถ้าอัตวิสัย (สิ่งที่คิด) ไม่สอดรับกับภววิสัย
(ความเป็นจริงภายนอก) ก็อย่าหมายผลอันพึงใจ
ยังไม่รู้ว่าอีกเมื่อไรจะถึงลมหายใจสุดท้าย
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญชีวิต (ชราชน)
จึงเตือนตนตั้งแต่วันนี้ว่า
ทำโทสะให้เบาลง
ทำโมหะให้บางลง
ทำโลภะให้เล็กลง
อย่าให้หัวใจเตลิดไปกับสรรเสริญและนินทา
ไม่ด่วนสรุป ให้เริ่มต้นจากความเป็นจริง
มีสติรู้เท่าทันในย่างเท้าที่ก้าวเดิน
ทำใจให้แจ้งกับวาทะธรรมของท่านพุทธทาสที่ว่า
“ อยู่โดยไม่ต้องรู้สึกว่า
เราดี เด่น ดัง อะไรเลย
เพียงแค่รู้สึกว่า
เราเป็นผู้มีประโยชน์ที่สุดคนหนึ่ง
นั่นแหละถูกต้องและเป็นสุขแท้ ”
ประสาร มฤคพิทักษ์
14 กันยายน 2560