ในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการจับอาวุธสงครามได้ 2 ราย เป็นการจับได้โดยบังเอิญทั้งสองราย
รายแรก เกิดจาก ตำรวจ สน.บางเขน ได้รับแจ้งจากศูนย์บริการส่งสินค้า เคอรี่ เอกซ์เพรส ว่าพบกล่องพัสดุบรรจุวัตถุคล้ายระเบิด ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบและพบว่า เป็นระเบิดลูกเกลี้ยง M67 สภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานอยู่ภายในกล่องพัสดุ เมื่อมีการขยายผลได้พบความจริงว่า ทหารยศสิบโทที่ถูกจับได้ขายอาวุธผ่านไลน์และเฟสบุ๊คแล้วไม่ต่ำกว่า 22 ครั้ง
เหตุที่จับได้เพราะคนส่งและคนรับพัสดุไปรษณีย์ ประสานงานกันไม่ดี ทำให้ระเบิด M67 ไปหลงอยู่กลางทางที่เคอรี่ เอกซ์เพรส สาขาบางเขน กลายเป็นเหตุให้มีการแจ้งเหตุ
งานนี้มีการควบคุมตัวทหารและพลเรือนเพิ่มขึ้นอีก 20 คน
รายที่สอง เป็นการขนอาวุธ ด้วยรถกระบะอีซูซุ 4 ประตูสีดำ หมายเลขทะเบียนตรากงจักร 1510 เสียหลักพลิกคว่ำตกข้างถนนสุขุมวิท ที่ ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด เจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ตกใจเพราะพบอาวุธสงครามถึง 14 รายการทั้งปืนและระเบิด ตำรวจจับกุมทหารอากาศสังกัดกองบิน 2 ลพบุรี เป็นผู้ขับขี่รถ และยังพบเจ้าหน้าที่ ตม. ของกัมพูชา ขับรถยนต์เรนจ์โรเวอร์เป็น
ผู้ร่วมขบวนอีกด้วย
ถามว่า รายแรก หากพัสดุกล่องนั้นส่งถึงมือผู้รับตามจ่าหน้า ก็จะไม่มีการแจ้งเหตุใช่หรือไม่
ถามว่า รายที่สอง ถ้ารถยนต์ไม่เสียหลักไถลลงข้างทาง รถขนอาวุธสงครามก็จะรอดสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจใช่หรือไม่ เพราะก่อนหน้านั้นก็รอดพ้นการตรวจจับมาหลายหนแล้ว เนื่องจากตรากงจักรปลอมที่เอามาแทนทะเบียนรถ 2 กรณีนี้
อาจถอดบทเรียนได้ว่าคนเลวทำความเลวต่อเนื่องเพราะเชื่อว่า จะสามารถปิดลับได้ตลอดเวลาที่ทำ
ความลับของพฤติกรรมเลวร้าย ใช่ว่าจะเป็นความลับได้ตลอดไป
พฤติกรรมเลวร้าย มักมีเหตุปัจจัยให้ความลับแตกได้โดยไม่ตั้งใจของคนทำ
กระบวนกรรมมีความเป็นธรรมเสมอต่อคนที่ทำ ใครทำก็ต้องรับผลนั้นไว้ด้วยตนเอง
ติดตามงานเขียนได้ที่ FACEBOOK : PRASARN MARUKPITAK