ไม่ว่าใครก็ล้วนพึงพอใจ ในพื้นที่สะดวกได้สบายดี (COMFORT ZONE) ของตนเอง
8 โมงเช้ากว่าแล้ว ควรลุกขึ้นมาจากที่นอน เพื่อล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ แต่ยังเสียดายการซุกตัวในผ้าห่มท่ามกลางแอร์เย็นๆ ในห้องนอน
อยากจะหักดิบเลิกบุหรี่เสียที เพราะตั้งใจไว้นานแล้ว แต่ก็เสียดายรสรื่นรมย์ของบุหรี่ ยี่ห้อดังที่ยังมีอีกหลายซอง
อยากออกไปจ้อกกิ้งตอนเช้า หรือตอนเย็น ก็รู้สึกว่า “ไว้วันหลังก็ได้ วันนี้ขอให้ผ่านไปก่อน”
อยากนั่งสมาธิติดตามลมหายใจเข้าออกวันละ 10 นาที ก็บอกกับตนเองว่า “ทำเมื่อไรก็ได้ แต่วันนี้ไม่ทำ”
อยากไปเรียนหลักสูตรพิเศษเพื่อฝึกปรือวิทยายุทธอะไรบางอย่าง ก็กระซิบกับตัวเองว่า “เอาไว้ก่อน วันหลังค่อยไป”
นี่คืออารมณ์ความรู้สึกสะดวกสบายในพื้นที่อันคุ้นเคย (COMFORT ZONE) ของตนเอง
ใช่หรือไม่ว่า
ซื้อเครื่องวิ่งสายพานมาราคาหลักหมื่น ใช้วิ่งได้เพียง 4-5 วัน ตอนนี้กลายเป็นราวตากผ้าขนหนูไปแล้ว
ซื้อเปียโนมา ราคาหลายหมื่นพร้อมตำราฝึก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้สัมผัสเปียโน จึงไม่มีจุดตั้งต้น ไม่มีการฝึกฝนจริงสักที
ความจริงแล้ว เมื่อตัดสินใจออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว หากลงมือทำก็เพียงแต่จัดเวลา วันละหนึ่งชั่วโมง จะเช้าสายบ่ายเย็นค่ำก็ได้ มีรองเท้าและเสื้อผ้ากีฬา แล้วออกไปเดินจริงๆ ทำให้ต่อเนื่องกันแค่ 5 วันเท่านั้น จะเกิดความเคยชินใหม่ที่ช่วยบำรุงสุขภาพได้ดีที่สุด นี่คือการ “ฝึก ฝืน” มันเป็นกระบวนการที่ต้องผ่าน หากจงใจที่จะออกจากพื้นที่สะดวกได้สบายดี (COMFORT ZONE) ของตนเอง
เราต้อง “ฝืน” การกระทำในระยะแรกเริ่มเพราะเราจะเหนื่อย จะเมื่อย จะตากแดดผิวเสีย จะเสียเหงื่อ จะเจ็บขา จะปวดกล้ามเนื้อ เราจึงต้อง “ ฝึก” ครั้นผ่านไประยะหนึ่งแล้ว สิ่งที่ฝืนจะกลายเป็นความเต็มใจทำ จะไม่ใช่การฝืนอีกต่อไป
ในโลกนี้ คนที่สร้างความสำเร็จใหม่ๆ ให้ตนเองและให้แก่สังคมล้วนแล้วแต่ต้องตัดสินใจออกมาจากพื้นที่สะดวกสบาย (COMFORT ZONE) ของตนเอง แล้วฝึกฝืนทำสิ่งนั้น จนกลายเป็นมรรคผลที่น่าชื่นใจของตนเองและผู้อื่น
ลดความสะดวกสบายที่คุ้นเคยในชีวิต แล้วฝึกฝืนทำอะไรที่คิดว่าจะเป็นผลดี ผ่านไประยะหนึ่ง จะไม่ใช่การฝืนอีกต่อไป เพราะความพึงพอใจจะเข้ามาแทนที่
ติดตามงานเขียนได้ที่ FACEBOOK : PRASARN MARUKPITAK
ติดต่องานบริการฝึกอบรมได้ที่หน้า TRAINING COURSES