คำโบราณมีว่า “หว่านพืช หวังผล” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมดา เราซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ แม้จะต้องจ่ายเงินหลักแสน หลักล้าน เรายอมจ่ายเพื่อจะได้ครอบครองบ้าน ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ เราซื้อกล้าไม้มาปลูก ที่หลังบ้าน เพื่อจะได้เป็นเจ้าของต้นไม้นั้นได้อาศัยร่มเงา เก็บผลกินหรือได้ชื่นชมดอกไม้
แปลว่าคนเราจ่ายไปเพื่อจะได้มาซึ่งสิ่งของ วัตถุ ความรู้ สุขภาพ หรืออะไรอื่น ที่เราต้องการ
ผู้เขียนไปพบการจ่ายหรือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ
เมื่อกลางปีที่แล้ว ผู้เขียนมีอันจะต้องไปพักอยู่ที่โรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งใกล้ถนนวิภาวดี ระหว่างนั้นต้องเดินข้ามสะพานลอยคนเดินข้ามทุกเช้าทุกบ่าย บริเวณที่ฝั่งหนึ่งเป็น สนง.ตำรวจ 191 อีกฝั่งหนึ่งเป็น สำนักงาน นสพ. บ้านเมือง
ระหว่างอยู่บนสะพานเดินข้าม ตอนช่วงเช้าได้สังเกตว่า คุณป้าคนหนึ่งมีตระกร้าใส่ผลไม้อยู่ที่แขนซ้าย ส่วนมือขวาเธอหยิบกล้วยน้ำว้าบ้าง ฝรั่งบ้าง แล้วเสียบไว้กับกิ่งของต้นไม้ที่ระอยู่ระหว่างราวสะพาน ตกตอนบ่ายขณะเดินกลับ ก็พบว่ามีกระรอกมาวนเวียนอยู่ที่ต้นไม้บริเวณนั้น ฝรั่งหรือกล้วยที่เสียบกิ่งไม้ไว้ตอนเช้าหมดไป นั่นแปลว่า กระรอก กระแต หรือนกจัดการผลไม้นั้นเรียบร้อยไปแล้ว ผู้เขียนเดินข้ามสะพานนั้น 8 วัน ก็พบปรากฏการณ์นี้ทั้ง 8 วัน
ธรรมดาคนเลี้ยงสัตว์ล้วนต้องการเป็นเจ้าของ เลี้ยงหมาไว้เฝ้าบ้าน เลี้ยงปลาคาร์ฟไว้ดูความสวยงามหรือประดับบารมี เลี้ยงนกเขาไว้ส่งเสียงขัน เลี้ยงนกแก้วนกขุนทองไว้เลียนเสียงพูดของคน แปลว่า เลี้ยงแล้วยังต้องการครอบครองมันไว้ในกรง ในตู้ปลา ไม่ให้สัตว์เลี้ยงหนีไปไหน
คุณป้าคนนี้ ไม่รู้หรอกว่ากระรอกตัวไหน กระแตตัวไหน หรือนกตัวไหนมากินกล้วย กินฝรั่งของป้า มันกินแล้วมันก็ไป แต่เธอก็ให้กล้วยให้ฝรั่งทุกวัน
ให้โดยไม่ต้องครอบครอง ให้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของ ให้โดยไม่ต้องประกาศตน ขอแต่เพียงได้ให้
ติดตามงานเขียนได้ที่ FACEBOOK : PRASARN MARUKPITAK