ที่วัดแห่งหนึ่ง มีกฎเหล็กของวัดว่า วันไหนๆ ชาวบ้านก็สามารถเข้ามาในวัดได้ ไม่ว่ายามกลางวัน หรือยามค่ำคืน ยกเว้นวันขึ้น 15 ค่ำ เวลาหลังตะวันตกดินแล้วเท่านั้นที่ห้ามชาวบ้านเข้าไปในวัดเป็นอันขาด ใครฝืนกฎเหล็กข้อนี้จะมีบาปสถานหนัก ถึงขนาดกลายเป็นคนเสียสติไปได้ทีเดียว
ใครๆ ก็เชื่อกฎเหล็กนี้ และเคารพกฎนี้มาเป็นเวลาหลายปี กล่าวคือ พอค่ำวันขึ้น 15 ค่ำทีไร ทางวัดจะปิดประตู ลั่นดานเงียบ ไม่มีใครกล้าก้าวล่วงเข้าไปในวัด เพราะกลัวจะกลายเป็นคนบ้า
คืนหนึ่งในวันขึ้น 15 ค่ำ ราวสองทุ่มเศษ เจ้าหนุ่มคนหนึ่งร่างกายกำยำล่ำสัน มันนึกสงสัยเป็นกำลังว่ามันมีอะไรกันนักหนาในวัด จึงต้องห้ามคนเข้า มันจึงแหกกฎเหล็กปีนกำแพงเข้าไป เดินสำรวจตามกุฏิต่างๆ ก็เอะใจว่า พระหายกันไปไหนหมด จึงเลยไปดูที่โบสถ์ เห็นรองเท้าวางเกลื่อนหน้าประตูโบสถ์ จึงแง้มประตูดู
ภาพที่เห็น ทำให้หนุ่มถึงกับผงะ เพราะพระทั้งวัดกำลังนั่งดวดเหล้ากันครื้นเครง เหล้ายาปลาปิ้งวางเรียงรายเต็มพื้นโบสถ์ บ้างกำลังเมา บ้างส่งเสียงร้องเพลง บ้างกำลังพล่าม บ้างกำลังแทะขาไก่ จึงรีบออกมานอกวัดแล้วป้องปากป่าวประกาศเสียงดังลั่นว่า
“พระ พระ พระทั้งวัดกำลังเมาเหล้ากันอยู่ในโบสถ์ ไปดูซิ”
ชาวบ้านได้ยิน ต่างหัวเราะแล้วชี้มือไปที่ไอ้หนุ่ม พลางพูดกันเองว่า
“นั่นไง…ไอ้นี่มันบ้าแล้ว วัดเขาไม่ให้เข้าวันนี้ มันเสือกเข้าไป มันเลยเป็นบ้าเห็นไหม”
ใช่หรือไม่ว่า ความเชื่อสาธารณะอาจมีถูก และอาจผิด พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ในกาลามสูตรว่า อย่าเชื่อเพราะเห็นเป็นครูบาอาจารย์ อย่าเชื่อตามตำรา อย่าเชื่อเพราะเคยปฏิบัติกันมา หากควรเชื่อด้วยสติปัญญาและเหตุผล
ติดตามงานเขียนได้ที่ FACEBOOK : PRASARN MARUKPITAK
ติดต่องานบริการฝึกอบรมได้ที่หน้า TRAINING COURSES